ในปัจจุบันเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารอบ ๆ ตัวเรายังคงมีผู้ที่สูบบุหรี่อยู่ ถึงจะมีการให้ความรู้เกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ รณรงค์ให้เลิกสูบบุหรี่โดยทั้งทางภาครัฐและเอกชน จำนวนผู้สูบบุหรี่กับไม่ลดจำนวนลงเลย หรือลดน้อยลงมาก ด้วยเพราะในบุหรี่มีสารนิโคติน ที่ถูกเป็นสารที่ทำให้เกิดการเสพติด จึงทำให้ผู้ที่เคยทดลองสูบบุหรี่แล้วนั้นเลิกได้ยากมาก ถ้าไม่บำบัดให้ถูกวิธี หรือตามคำแนะนำของแพทย์
ถึงแม้ในปัจจุบันนักสูบบุหรี่หน้าใหม่จะลดลง แต่ผู้สูบบุหรี่เดิมยังคงมีการสูบบุหรี่อยู่อย่างต่อเนื่อง แม้จะรู้ว่าไม่ดีต่อสุขภาพร่างกาย แต่เมื่อติดไปแล้วก็ยากที่จะเลิก แม้ทุกคนที่สูบบุหรี่อยากจะเลิกก็ตาม ซึ่งวิธีการเลิกบุหรี่นั้นก็มีหลากหลายวิธีเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการไปบำบัดกับแพทย์ การหักดิบ (การงดสูบบุหรี่ทันที) ไปจนถึงการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในการเลิกบุหรี่
แล้ววิธีดูดบุหรี่ไฟฟ้ากับบุหรี่มวน มันแตกต่างกันอย่างไร? บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าทั้งสองนั้นต่างมีสารนิโคตินเป็นส่วนผสมทั้งคู่ แต่บุหรี่แบบธรรมดานั้นจะมีสารนิโคตินที่คงที่ ไปตามแต่ละชนิด แต่ละแบรนด์ ซึ่งต่างจากบุหรี่ไฟฟ้าที่มีทั้งรส กลิ่นให้เลือกมากมาย โดยแต่ละชนิด แต่ละยี่ห้อ ยังมีระดับนิโคตินให้เลือกตามความต้องการของผู้สูบอีกด้วย
ซึ่งสำหรับใครที่กำลังอยากหาวิธีเลิกบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ที่ทำให้ท่านสามารถเลิกบุหรี่ได้ โดยเริ่มจากการใช้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่มีนิโคตินระดับปกติ เพื่อทดแทนการสูบบุหรี่แบบเดิม เมื่อเริ่มสูบไประยะหนึ่ง ก็ทำการเลือกน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่มีระดับนิโคตินลงมา จนถึงเลิกบุหรี่ได้ในที่สุด
การดูดบุหรี่ธรรมดากับดูดบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีวิธีการที่แตกต่างกัน การดูดแบบธรรมดา เพียงจุดไฟก็ดูดได้ทันที แต่วิธีสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีด้วยกันหลายขั้นตอน จำเป็นที่จะต้องหาข้อมูลเสียก่อน ซึ่งทางเราก็ได้เตรียมข้อมูลต่าง ๆ มาให้ท่านผู้อ่านแล้ว ดังต่อไปนี้
วิธีดูดบุหรี่ไฟฟ้าอย่างไรให้ถูกต้อง ปลอดภัย ไม่พังเร็ว
สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่เคยรู้วิธีดูดบุหรี่ไฟฟ้ามาก่อน อาจจะเกิดอาการสำลักได้ ซึ่งเหตุผลที่ทำให้เกิดอาการสำลักก็มีด้วยกันหลายสาเหตุ ได้แก่ จำนวนครั้งการสูบ เพราะยิ่งสูบมาก จะทำให้เกิดการระคายคอ ซึ่งทำให้เกิดอาการไอ หรือสำลักได้ และน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าไฟที่มีนิโคตินสูง ถ้าสูบครั้งหนึ่งในปริมาณมาก ๆ อาจจะทำให้เจ็บคอ และเกิดอาการสำลักได้เช่นกัน
นอกจากอาการสำลักแล้ว การสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นต้องมีการศึกษาหาข้อมูลการใช้งานให้ครบถ้วนเสียก่อน ซึ่งทางเราได้รวบรวมวิธีดูดบุหรี่ไฟฟ้ามือใหม่มาให้แล้ว ซึ่งทั้งหมดที่จะกล่าวต่อไปนี้ มักจะเป็นปัญหาที่พบได้ในมือใหม่ที่ทดลองหัดสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นจำนวนมาก ดังนั้นบทความนี้จะมีประโยชน์สำหรับผู้ที่เป็นมือใหม่หัดสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอย่างยิ่ง
โดยวิธีสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่ถูกต้องทั้ง 8 วิธีที่เรารวบรวมมามีดังต่อไปนี้ เริ่มจาก
อ่านคู่มือและข้อมูลบุหรี่ไฟฟ้าก่อนใช้งาน
ขั้นที่ 1 เริ่มจากการอ่านคู่มือที่แถมมากับอุปกรณ์สูบบุหรี่ไฟฟ้าให้ดีเสียก่อน ว่าแต่ละชิ้นส่วนทำหน้าที่อะไร จากนั้นจึงศึกษาการทำงานของบุหรี่ไฟฟ้า โดยจะเริ่มจากชิ้นส่วนหลัก ๆ ดังนี้คือ
- กล่องจ่ายไฟ ทำหน้าที่เก็บไฟฟ้า และจ่ายไฟให้บุหรี่ไฟฟ้าสามารถทำงานได้
- อะตอม ทำหน้าที่จ่ายน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งมีด้วยกัน 2 แบบ คือ
- อะตอมแบบหยดสูบ ก่อนจะสูบแต่ละครั้งจำเป็นที่จะต้องหยดน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าลงในสำลีอยู่เสมอ เพราะถ้าสำลีแห้ง อาจจะทำให้ขดลวดไหม้ได้
- อะตอมแบบแทงก์ สามารถเก็บน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในแทงก์ได้ปริมาณมาก ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำยาก่อนสูบทุกครั้ง โดยใช้งานคู่กับคอยล์
- คอยล์ ทำหน้าที่ให้เกิดความร้อน ทำให้เกิดควันขึ้น โดยวัสดุทำจากขดลวด
- น้ำยา เป็นหัวใจของบุหรี่ไฟฟ้า โดยจะมีกลิ่น รส แต่ต่างกันไป รวมไปถึงปริมาณนิโคตินมากน้อยตามที่ต้องการ
โดยหลักการทำงานของบุหรี่ไฟฟ้า จะเริ่มจากการกดสวิตช์ให้บุหรี่ไฟฟ้าทำงาน ไฟฟ้าจากกล่องจ่ายไฟจะส่งไฟฟ้าไปที่คอยล์ (ขดลวด) ซึ่งจะให้ความร้อนที่เกิดขึ้นไปโดนน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดควันขึ้น จากนั้นจึงสูบควันนั้นเข้าไป เป็นอันเสร็จสิ้น
ชาร์จไฟให้เต็มก่อนเริ่มใช่งานครั้งแรก
ขั้นที่ 2 เนื่องจากกล่องเก็บไฟของบุหรี่ไฟฟ้ามักทำมาจากแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน การชาร์ตไฟครั้งแรกจึงจำเป็นต้องชาร์ตไฟให้เต็ม เพื่อให้แบตเตอรี่คายประจุเสียก่อน เพื่อให้อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ยาวนานยิ่งขึ้น
เลือกน้ำยาให้เหมาะกับบุหรี่ไฟฟ้า และ เลือกปริมาณนิโคตินในน้ำยาตามความต้องการ
ขั้นที่ 3 นอกจากกลิ่น และรสชาติของน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว ในแต่ละชนิด แต่ละประเภท แต่ละยี่ห้อ ล้วนมีระดับนิโคตินแตกต่างกันไป ดังนั้นจึงควรเลือกระดับปริมาณนิโคตินในน้ำยาที่ตัวเองต้องการ สำหรับใครที่กำลังอยากจะเลิกสูบบุหรี่ การเลือกน้ำยาที่มีนิโคตินสูง จะช่วยทำให้สามารถทดแทนบุหรี่ลงได้ จากนั้นจึงค่อย ๆ ลดปริมาณนิโคตินต่อวันลงเรื่อย ๆ และเลิกสูบบุหรี่ไปในที่สุด
สูบให้ถูกต้องตามวิธีสูบของบุหรี่ไฟฟ้าแต่ละเครื่อง
ขั้นที่ 4 เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าในปัจจุบันมีด้วยกันหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นอาจจะมีการทำงานที่แตกต่างกันอยู่เล็กน้อย ดังนั้นจึงต้องอ่านคู่มือการใช้งานให้ละเอียดก่อนให้งานบุหรี่ไฟฟ้าอันใหม่อยู่เสมอ พร้อมทั้งเก็บรักษาตามคำแนะนำอื่น ๆ อีกด้วย
ถอดแทงค์ออกหากไม่ได้ใช้นาน ๆ เพื่อป้องกันการรั่วซึม
ขั้นที่ 5 ด้วยบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดหนึ่ง แถมมีการทำงานที่เกี่ยวกับน้ำอีกด้วย การถอดแทงค์ออกจะช่วยไม่ให้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าซึมออกไปทำให้อุปกรณ์เสียหายได้ ถ้าโชคดีก็คือเสียไปเลย แต่ถ้าโชคร้ายคือเมื่อนำไปใช้ อาจทำให้เกิดการระเบิดก็เป็นได้
หลังเติมน้ำยาควรรอเป็นเวลา 15 นาที
ขั้นที่ 6 เมื่อทำการเติมน้ำยา ควรที่จะต้องรอเวลาสักพัก เพื่อให้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าเข้าไปในระบบครบทุกส่วน เพื่อให้การใช้งานได้อย่างปลอดภัย ลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ หรือความศูนย์เสียได้
อย่าทำตกกระแทกหรือเปียกน้ำ
ขั้นที่ 7 เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็ก ทำให้การพกพาไปใช้งานได้สะดวกสบายในทุกสถานที่ ดังนั้นจึงมีโอกาสที่บุหรี่ไฟฟ้าจะหล่น หรือเปียกน้ำได้ง่าย ซึ่งอาจจะมีผลทำให้แทงค์ หรือระบบไฟฟ้าของบุหรี่ไฟฟ้าเสียหายได้ ดังนั้นจึงต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ทั้งยังต้องเก็บรักษาเป็นอย่างดี ตามคำแนะของคู่มือ
ในการชาร์ตไม่ควรชาร์ตทิ้งไว้นาน
ขั้นที่ 8 บุหรี่ไฟฟ้าเองก็เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดหนึ่ง เมื่อชาร์ตเต็มแล้ว ก็ควรที่จะถอดออก เพราะตัวบุหรี่ไฟฟ้าอาจเกิดสิ่งผิดปกติขึ้นได้ อย่างการลัดวงจร การระเบิด ไปจนถึงแบตเตอรี่จะเสื่อมสภาพลงเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งในต่างประเทศมีเหตุการณ์ระเบิดจากผู้ใช้งานบุหรี่ไฟฟ้ามือใหม่อยู่เป็นจำนวนไม่น้อย ดังนั้นการป้องกันไว้ก่อน ดีกว่ามาแก้ไขที่หลังอย่างแน่นอน
สรุป วิธีดูดบุหรี่ไฟฟ้า
ในปัจจุบันผู้คนหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าแทนการสูบบุหรี่กันมากยิ่งขึ้น ซึ่งการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีขั้นตอนการสูบที่ซับซ้อนกว่าการสูบแบบธรรมดาอยู่เล็กน้อย เพื่อที่ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้ามือใหม่จะรู้วิธีสูบบุหรี่ไฟฟ้าอย่างปลอดภัย และไม่เกิดอาการสำลักอีกด้วย
สำหรับผู้ที่กำลังอยากจะเลิกบุหรี่ การสูบบุหรี่ไฟฟ้าก็ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ และน่าสนใจอย่างยิ่ง การจะใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างถูกต้อง จำเป็นจะต้องศึกษาวิธีสูบบุหรี่ไฟฟ้าให้ดีเสียก่อน ต้องรู้จักส่วนประกอบ หน้าที่การทำงานของแต่ละชิ้น เพื่อให้อุปกรณ์เสียหายน้อยที่สุด ช่วยเพิ่มอายุการใช้งาน รวมไปถึงความปลอดภัยของตัวท่านเองอีกด้วย