หลายคนที่เพิ่งเริ่มสูบบุหรี่ไฟฟ้าอาจจะประสบปัญหาดูดบุหรี่ไฟฟ้าแล้วไอ หรือดูดบุหรี่ไฟฟ้าแล้วรู้สึกแสบคอ ซึ่งอาการเหล่านี้อาจทำให้คุณไม่รู้สึกสนุก หรือผ่อนคลายเมื่อได้สูบพอตไฟฟ้า คุณอาจสงสัยว่าคุณดูดผิดวิธีหรือเปล่า หรือทำยังไงให้อาการเหล่านี้หายไป ซึ่งที่จริงแล้วหากคุณรู้สาเหตุที่แท้จริงว่าเกิดจากสาเหตุใด คุณก็จะแก้ปัญหาอาการเหล่านี้ได้อย่างตรงจุด และสนุกกับการดูดพอตไฟฟ้าได้มากขึ้น
ซึ่งวันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยให้กับเหล่านักสูบมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มเข้าวงการบุหรี่ไฟฟ้า เกี่ยวกับสาเหตุต่างๆ โดยสาเหตุของนักสูบที่มีอาการเหล่านี้มักจะเกิดจากการที่เลือกใช้น้ำยาผิดประเภทบ้าง ปรับกำลังไฟไม่ถูกต้อง วิธีการสูบ หรือแม้กระทั่งระดับของนิโคตินก็มีส่วนที่ทำให้คุณดูดพอตแล้วแสบคอ ดังนั้นหากคุณรู้สาเหตุ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่ไม่ถูกต้อง คุณก็จะดูเป็นนักสูบมือโปร และมีฟีลลิ่งที่ดีในทุกครั้งที่สูบพอตไฟฟ้า
การใช้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าผิดประเภท
หนึ่งสาเหตุหลักที่ส่งผลให้นักสูบมีอาการดูดพอตแล้วไอคือ การเลือกน้ำยาผิดประเภท ซึ่งถ้าหากผู้สูบเลือกน้ำยาที่ไม่เหมาะสมกับอุปกรณ์ก็จะส่งผลให้ผู้สูบมีอาการไม่พึงประสงค์จนเสียอรรถรสในการสูบ เช่น ดูดบุหรี่ไฟฟ้าแล้วไอ หรือดูดพอตแล้วแสบคอ เป็นต้น ดังนั้นต้องขออธิบายเบื้องต้นก่อนว่าน้ำยาที่ใช้ในบุหรี่ไฟฟ้านั่นมีด้วยกัน 2 ประเภทคือ น้ำยาฟรีเบส (Freebase) และน้ำยาซอลนิค (Saltnic) ซึ่งน้ำยาทั้ง 2 อย่างนี้มีคุณสมบัติ และการใช้งานที่ต่างกัน
น้ำยาฟรีเบส
โดยน้ำยาฟรีเบสจะเป็นน้ำยาที่ใช้นิโคตินบริสุทธิ์เป็นส่วนผสม สามารถสร้างควันได้เยอะ ให้กลิ่น และรสชาติที่ชัดเจน เหมาะกับบุหรี่ไฟฟ้าที่มีกำลังไฟสูง และบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้คอยล์แบบ Sub-Ohm หรือคอยล์ที่มีค่าโอห์มต่ำๆ ซึ่งคอยล์ที่มีค่าโอห์มต่ำก็คือ คอยล์ที่มีค่าโอห์มน้อยกว่า 0.4 หรือเท่ากับ
น้ำยาซอลนิค
ในขณะที่น้ำยาซอลนิคจะเหมาะกับบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้กำลังไฟต่ำ และคอยล์ที่ใช้ต้องมีค่าโอห์มสูง เพราะว่าน้ำยาซอลนิคใช้นิโคตินแบบเกลือ และมีความเข้มข้นของนิโคตินสูง รวมถึงมีส่วนผสมของกรด Benzoic Acid จึงควรใช้กับพอตที่ใช้กำลังไฟต่ำ และมีค่าโอห์มสูงตั้งแต่ 0.6 เป็นต้นไป จะช่วยให้ผู้สูบรู้สึกถึงความนุ่มนวล และมีอรรถรสในการสูบที่ดีมากขึ้น
อย่างไรก็ตามหากคุณไม่แน่ใจเรื่องในการเลือกใช้น้ำยา คุณสามารถสอบถามผู้จัดจำหน่ายได้ว่า บุหรี่ไฟฟ้าที่คุณเลือกซื้อเหมาะที่จะใช้กับน้ำยาประเภทไหน ซึ่งในบางครั้งผู้ผลิต หรือผู้จำหน่ายอาจจะมีการให้คำแนะนำว่า ควรใช้น้ำยาประเภทอะไร เพื่อไม่ให้เกิดอาการไอ หรือปวดหัวในเวลาที่สูบพอต พร้อมทั้งยังช่วยให้นักสูบรู้สึกสนุก และสามารถสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างมือโปร
ความเข้มข้นของนิโคติน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าความเข้มข้นของนิโคตินก็เป็นอีกสาเหตุที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับคนที่มีปัญหาดูดพอตแล้วไอ เพราะว่าความเข้มข้นของนิโคตินในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลต่อความยากในการสูบ ซึ่งถ้าหากคนที่ไม่ค่อยชินกับการดูดสารนิโคตินในปริมาณที่สูงก็อาจทำให้เกิดอาการไอตามมาได้ แต่ในขณะเดียวกันถ้าหากคุณสูบบุหรี่มวนที่มีสารนิโคตินสูงอยู่แล้วจะให้เปลี่ยนมาใช้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่มีความเข้มข้นของนิโคตินต่ำก็อาจทำให้รู้สึกไม่ได้อรรถรสสักเท่าไหร่
โดยน้ำยาฟรีเบสจะมีระดับนิโคตินเริ่มต้นตั้งแต่ 0 ไปจนถึง 18 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร และน้ำยาแบบซอลนิคจะมีระดับนิโคตินให้เลือกตั้งแต่ 24 ไปจนถึง 50 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร ถึงแม้น้ำยาซอลนิคจะมีความเข้มข้นของนิโคตินสูงแต่ก็ไม่ได้ส่งผลให้ผู้สูบรู้สึกแสบคอมากนัก เพราะมีการผสมกรด Benzoic Acid เพื่อลดอาการระคายเคือง และอาการแสบคอจากการสูบ
สิ่งที่ต้องระวังคือ หากผู้สูบไม่ได้สูบบุหรี่ไฟฟ้ามาเป็นเวลานาน หรือมีประสบการที่มากพอ การเลือกใช้น้ำยาฟรีเบสที่มีความเข้มข้นของนิโคตินสูงก็อาจทำให้ดูดพอตแล้วแสบคอได้ เพราะฉะนั้นการเลือกระดับนิโคตินที่เหมาะสมกับผู้สูบจะสามารถช่วยลดอาการดูดบุหรี่ไฟฟ้าแล้วไอได้
การปรับกำลังไฟมากเกินไป
นักสูบบางคนก็เป็นสายชอบเล่นควัน ซึ่งการที่จะทำให้บุหรี่ไฟฟ้ามีควันเยอะๆ ได้ก็จะมาจากการปรับกำลังไฟที่สูงขึ้น นอกจากควันที่เยอะขึ้นแล้วกลิ่นของตัวน้ำยา และรสชาติก็จะชัดเจนขึ้นด้วย แต่รู้หรือไม่ว่า ถ้าหากคุณปรับกำลังไฟมากเกินไป หรือมากเกินกว่ามาตรฐานของบุหรี่ไฟฟ้าที่คุณใช้อยู่จะส่งผลให้คอยล์ของคุณมีอายุการใช้งานที่สั้นลง จนทำให้คอยล์ไหม้ได้ในที่สุด
พอคอยล์บุหรี่ไฟฟ้าของคุณไหม้แล้ว เมื่อคุณสูบพอตไฟฟ้าเข้าไปก็จะส่งผลให้เกิดอาการดูดพอตแล้วแสบคอ หรือไอได้ โดยทั่วไปแล้วผู้ผลิตจะมีการออกแบบคอยล์ที่สัมพันธ์กับกำลังไฟที่ใช้ในบุหรี่ไฟฟ้าอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าคุณจะสามารถปรับกำลังไฟได้ตามความต้องการ แต่ถ้าหากคุณปรับกำลังไฟมากเกินไปคอยล์ของคุณก็จะไหม้แล้วทำให้คุณแสบคอเวลาสูบพอต จนต้องเปลี่ยนคอยล์ใหม่ หรือซื้อพอตไฟฟ้าใหม่เลยก็ได้
สูบอย่างไรให้ไม่ไอ
อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญในการดูดบุหรี่ไฟฟ้าแล้วไอคือ วิธีในการสูบ ซึ่งก่อนที่จะทำความเข้าใจในเรื่องของวิธีการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ผู้สูบจะต้องมีความเข้าใจใน วิธีใช้งานบุหรี่ไฟฟ้า ที่ตนเองใช้อยู่ให้ดีก่อน อย่างเช่น ควรใช้กำลังไฟเท่าไหร่ หรือควรใช้น้ำยาแบบไหน เป็นต้น เมื่อสามารถเข้าใจวิธีการใช้พอตไฟฟ้าได้อย่างถูกต้องแล้ว เราก็มาดูกันว่าบุหรี่ไฟฟ้าที่คุณใช้เหมาะกับวิธีสูบแบบไหน โดยวิธีสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ ได้แก่
วิธีสูบแบบ DTL (Direct to Lung)
การสูบแบบ DTL คือ การสูบเอาไอน้ำเข้าไปยังปอดโดยตรง โดยไม่อมไว้ในปากก่อน ซึ่งวิธีการสูบแบบนี้จะได้ควันเยอะ และได้ฟีลลิ่งที่ดีในการสูบ เหมาะกับผู้สูบที่มีประสบการณ์ในการสูบมาพอสมควรแล้ว หากเป็นนักสูบมือใหม่วิธีการสูบแบบนี้อาจทำให้สำลักควันได้ การสูบแบบ DTL เหมาะกับการใช้น้ำยาแบบฟรีเบส หรือบุหรี่ไฟฟ้าที่มีค่าโอห์มต่ำ
วิธีสูบแบบ MTL (Mouth to Lung)
การสูบแบบ MTL คือ การสูบจากปากแล้วไปยังปอด โดยผู้สูบจะสูบเอาไอน้ำเข้าไปในปากก่อน แล้วจึงหายใจเข้าไปทางปอดในลำดับถัดไป ซึ่งวิธีการสูบแบบ MTL สามารถสูบได้ไม่ยาก ผู้ที่เพิ่งเริ่มสูบสามารถทำได้ และช่วยลดอาการสำลักควันได้ ซึ่งวิธีการสูบแบบนี้เหมาะกับบุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้น้ำยาแบบซอลนิค และคอยล์บุหรี่ไฟฟ้าที่มีค่าโอห์มสูง การสูบแบบ MTL ช่วยให้ผู้สูบรู้สึกถึงความนุ่มนวล และอรรถรสในการสูบที่ดีได้เช่นกัน
การเลือกบุหรี่ไฟฟ้าที่เหมาะสมกับวิธีการสูบสามารถช่วยลดโอกาสในการเกิดปัญหาที่ดูดพอตแล้วแสบคอได้ ซึ่งทริคในการสูบ และวิธีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเล็กๆ น้อยๆ สามารถนำไปสู่ฟีลลิ่งในการสูบที่ดีกว่าเดิมได้
สรุป ดูดบุหรี่ไฟฟ้าแล้วไอ
จากสาเหตุที่ได้กล่าวไปข้างต้นจะเห็นได้ว่า สาเหตุส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นจะมาจากการใช้งานบุหรี่ไฟฟ้าที่ผิดๆ ไม่ว่าจะเป็น การเลือกใช้น้ำยาไม่เหมาะสมกับบุหรี่ไฟฟ้าที่ตนเองซื้อมา การใช้กำลังไฟที่ไม่เหมาะสมกับค่าโอห์มของตัวคอยล์ หรือการเลือกวิธีการสูบที่ไม่เหมาะสมกับน้ำยา และอุปกรณ์บุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้ เป็นต้น
เมื่อคุณได้ทราบถึงต้นตอของสาเหตุ และวิธีการแก้ไขแล้ว หากคุณมีการนำไปใช้ และปรับเปลี่ยนวิธีการสูบบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างเหมาะสม ต่อไปคุณก็จะสนุกกบการสูบบุหรี่ไฟฟ้า และสามารถเป็นนักสูบบุหรี่ไฟฟ้ามือโปรได้ หากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติม หรือเลือกซื้อบุหรี่ไฟฟ้า และน้ำยาที่เหมาะกับสไตล์การสูบของคุณ