คอยล์บุหรี่ไฟฟ้า จะทำหน้าที่รับพลังงานมาจากตัวเครื่อง ซึ่งจะผ่านมาจากทางขั้วทองแดงอีกทีหนึ่ง จากนั้นเปลี่ยนพลังงานป็นความร้อน และจะทำปฏิกิริยากับสำลีที่มีน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าซึมซับเอาไว้อยู่จนเกิดเป็นไอระเหยออกมา ซึ่งเป็นวิธีที่ใช้กันในวงการมาอย่างเนิ่นนานในขณะนี้ ยังไม่มีวิธีใดที่จะสามารถทดแทนได้ เนื่องจากที่ผ่านมา ผู้ผลิตหลายๆเจ้า ก็มีการทดลองอยู่ตลอด เพื่อหาแนวทาง หรือคิดค้นนวัตกรรมต่างๆ แต่ก็ยังไม่มีวิธีไหน หรือสิ่งใดที่จะสามารถดึงกลิ่นของตัวน้ำยาได้ดีไปกว่านี้แล้ว เพราะฉะนั้นเราคงได้เห็นรูปแบบนี้ ทำหน้าที่อยู่ในวงการไปอีกสักพักอย่างแน่นอน หรือถึงแม้จะมี แต่กว่านักสูบจะปรับตัว ก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน

ไม่ได้นิยามแค่สำหรับแบบสำเร็จรูปเพียงเท่านั้น แต่เป็นการนิยามตัวลวด ซึ่งทำหน้าที่ในบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งต่อมาได้ถูกนำมาเรียกกับตัวสำเร็จรูป ที่ใช้กันในพอตซึ่งเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดความสับสน คนไทยจึงได้แบ่งวิธีเรียกให้เป็นลวด และคอยล์แต่จริงๆ แล้ว 2 สิ่งนี้คือสิ่งเดียวกันเพียงแต่ถูกเรียกแยกออกมาอีกทีหนึ่ง โดยจะมีกี่แบบ และแตกต่างกันอย่างไร เรามาดูข้อมูลส่วนนี้กันได้เลย

• คอยล์บุหรี่ไฟฟ้า เป็นการนำลวดมาดัด และม้วนให้ได้รอบมากพอ ที่จะสามารถทำให้ความร้อนถูกกระจายออกจนไม่เกิดความร้อนสะสมมากเกินไป ทั้งนี้ยังช่วยทำให้กลิ่นที่มีชัดเจนยิ่งขึ้น ยิ่งมีความซับซ้อนมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งสามารถดึงกลิ่นน้ำยาจากสำลีได้ดียิ่งขึ้นเท่านั้น ทำให้มีลวดที่มีความละเอียดสูงอย่าง Twisted หรือ Clapton ขึ้นมา นอกจากนี้ยังแตกแขนงต่อยอดกันไปอีกหลากหลายรูปแบบ
• แบบสำเร็จรูป หรือ คอยล์พอต เป็นประเภทที่เรามักจะเห็นได้เยอะกว่า หากเทียบกันในสมัยนี้ เพราะเป็นประเภทที่ผู้ใช้งานไม่ต้องทำการดัดลวดตัดขาหรือปั้นสำลีเอง เพียงแค่ใส่เข้ากับหัวพอต จากเติมน้ำยาให้เรียบร้อยเพียงเท่านี้ก็พร้อมใช้งานแล้ว เพราะสิ่งเหล่านั้นถูกจัดการให้ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตแล้ว โดนส่วนมากที่นิยมในสมัยนี้ จะเป็นแบบ Mesh หรือ ตาข่ายซึ่งจะครอบคลุมตัวสำลีแผ่นทั้งหมดได้ทั่วถึง ทำให้มีกลิ่นออกมาชัดเจน

หัวพอตพร้อมคอยล์ หรือบางคนเรียก หัวคอยล์บุหรี่ไฟฟ้า เพราะภายในจะติดตั้งมาให้ในตัว ไม่ต้องหาซื้อแยก เพียงเติมน้ำยาเข้าไปก็พร้อมสูบ ให้ความสะดวกสบายขั้นสุด แต่ข้อจำกัดอยู่ตรงอายุการใช้งาน เพราะจะไม่ต่างจากรูปแบบอื่นๆ เพียงแต่ว่าเวลาเปลี่ยน ต้องเปลี่ยนทั้งหัวเลย อาจจะไม่ถูกใจนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเท่าไร

หากให้เฉลี่ยอายุการใช้งานแล้ว เราก็คงจะต้องแบ่งประเภทออกมากันก่อนว่าเป็นประเภทไหนและใช้งานกับอะไรกัน เรียกได้ว่าปัจจัยนั้นค่อนข้างเยอะแต่ทางเราได้รวบรวมข้อมูลเหล่านั้นเอาไว้ให้แล้วเรียบร้อย โดยจะขอแบ่งออกเป็น 2 ประเภทดังนี้

อายุการใช้งานของคอยล์บุหรี่ไฟฟ้า

• ลวดปกติจะมีอายุการใช้งานอยู่ราวๆ 1 สัปดาห์ ควรเปลี่ยนพร้อมสำลี
• หากลวดมีความซับซ้อนอย่าง Clapton จะได้อยู่ราวๆ 1 เดือน
• ลวดระดับพรีเมี่ยมสูง เช่น Alien หรือทำจากวัสดุทนสนิม จะสามารถอยู่ได้ 2 - 3 เดือน หรือนานกว่านั้น เพียงแค่ต้องดูแลทำความสะอาดดีๆ

อายุการใช้งานของคอยล์พอต

• แบบสำเร็จรูปทั่วไปจะสามารถใช้งานได้ราวๆ 7 - 10 วันขึ้นอยู่กับผู้สูบและตัวน้ำยา
• หากเป็นเซรามิกจะสามารถอยู่ได้ราวๆ 10 - 15 วัน
• สำหรับ RBA จะอยู่ได้ราวๆ 2 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับค่าโอห์ม และวัสดุที่ใช้งาน ส่วนฐานหากไม่เสียหาย อาจอยู่นานเกิน 1 ปี

ค่าความต้านทาน หรือค่าโอห์มที่เรารู้จักกัน คือหน่วยสำหรับเอาไว้วัดว่าตัวนั้นสามารถรับได้ไฟได้แค่ไหน หากค่าความต้านทานต่ำเท่าไหร่ กำลังไฟที่สามารถเข้าไปได้ก็จะยิ่งสูง กลับกันหากค่าความต้านทานสูงกำลังไฟที่สามารถเข้าไปได้ก็จะน้อยเช่นกัน โดยแต่ละค่าโอห์มจะใช้กำลังไฟแตกต่างกัน ซึ่งจะมีอะไรกันบ้างเรามาดูกัน

ค่าความต้านทานของคอยล์

• 0.10 Ohm กำลังไฟที่เหมาะสมคือ 102 - 176w
• 0.15 Ohm กำลังไฟที่เหมาะสมคือ 68 - 117w
• 0.20 Ohm กำลังไฟที่เหมาะสมคือ 51 - 88w
• 0.25 Ohm กำลังไฟที่เหมาะสมคือ 41 - 70w
• 0.30 Ohm กำลังไฟที่เหมาะสมคือ 34 - 58w
• 0.40 Ohm กำลังไฟที่เหมาะสมคือ 25 - 44w
• 0.50 Ohm กำลังไฟที่เหมาะสมคือ 20 - 35w
• 0.60 Ohm กำลังไฟที่เหมาะสมคือ 17 - 29w
• 0.70 Ohm กำลังไฟที่เหมาะสมคือ 14 - 25w

ค่าความต้านทานของคอยล์พอต

• 0.15 Ohm กำลังไฟที่เหมาะสมคือ 60 - 80w
• 0.20 Ohm กำลังไฟที่เหมาะสมคือ 40 - 60w
• 0.30 Ohm กำลังไฟที่เหมาะสมคือ 32 - 40w
• 0.40 Ohm กำลังไฟที่เหมาะสมคือ 25 - 35w
• 0.60 Ohm กำลังไฟที่เหมาะสมคือ 20 - 28w
• 0.80 Ohm กำลังไฟที่เหมาะสมคือ 12 - 18w
• 1.0 Ohm กำลังไฟที่เหมาะสมคือ 11 - 16w
• 1.2 Ohm กำลังไฟที่เหมาะสมคือ 10 - 15w

ทั้งนี้แบบสำเร็จกำลังไฟจะขึ้นอยู่กับประเภทที่ใช้งานด้วยเช่นกัน หากบนตัวระบุเอาไว้ว่า DL หรือ RDL ก็สามารถใช้กำลังไฟตามนี้ได้เลยแต่หากเป็น MTL ให้ใช้กำลังไฟต่ำสุดตามที่แนะนำเอาไว้ จะเหมาะสมกว่า เพราะเป็นประเภทใช้กำลังไฟน้อยสุด

เป็นคำถามที่พบได้บ่อยในบรรดาผู้ใช้งาน ว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนกันแล้ว โดยสิ่งที่สังเกตุได้โดยง่ายสุดก็คือกลิ่น หากเรานั้นได้กลิ่นไหม้หรือตัวน้ำยามีกลิ่นเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก ทั้งๆที่พึ่งเติมน้ำยาไป แปลว่าตัวสำลีได้ไหม้แล้ว จำเป็นต้องเปลี่ยน หากเป็นแบบสำเร็จรูปคงเป็นการยากที่จะเปลี่ยนสำลีด้วยตัวเองได้ จึงต้องทิ้ง และเปลี่ยนใหม่เท่านั้น หรือหากมีอาการสูบไม่ขึ้นควันไม่ออก ก็คงถึงเวลาจะต้องเปลี่ยนแล้วเช่นกัน ไม่ว่าจะพึ่งใส่เข้าไปหรือไม่ก็ตาม เพราะตัวขั้วอาจจะมีปัญหาตั้งแต่แรกแล้ว และไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลยหากเป็นเช่นนี้ มีแต่ต้องเปลี่ยนเพียงเท่านั้น

การดูแลให้ดีเพื่อยืดมีอายุการใช้งาน จำเป็นจะต้องมีความระมัดระวังของตัวผู้ใช้งาน รวมความเข้าใจในตัววัสดุในระดับหนึ่ง โดยหากให้อธิบายง่ายๆ ก็คือตัวคอยล์บุหรี่ไฟฟ้านั้น มีความเปราะบางในระดับหนึ่ง ถึงจะไม่มากจนเกินไป แต่ก็ยังต้องมีความระมัดระวัง การใช้งานอย่างถูกวิธีคือ ไม่ควรถูกสูบลากๆเป็นเวลานานๆ หรือสูบแบบถี่ๆเรื่อยๆอย่างต่อเนื่อง เพราะสำลียังไม่ทันซึมซับน้ำยาที่พึ่งระเหยไป แต่กลับมีความร้อนรอบใหม่อีกครั้ง จึงนำมาสู่สาเหตุสำลีไหม้ไว ทั้งนี้การทิ้งน้ำยาไว้ให้ซึมซับนานจนเกินไป ก็เป็นปํญหาด้วยเช่นกัน เนื่องจากจะเกิดการอิ่มตัวของสำลี ทำให้คลายน้ำยาง่าย แต่ดูดซับยาก จนทำให้เกิดอาการที่เรียกกันว่าสำลีช้ำ ปริมาณควันน้อยลง มีกลิ่นไม่เหมือนเดิม เพราะฉะนั้นใช้ปริมาณน้ำยา และการสูบอย่างพอเหมาะจะช่วยลดปัญหาอายุการใช้งานที่สั้นได้

โดยวัสดุที่ใช้ในการผลิตมีหลากหลายมาก ทั้งแบบหายากและใช้งานกันทั่วไป ทั้งนี้วัสดุเหล่านี้นั้นก็ถูกแบ่งการใช้งานที่เหมาะสมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่จะมีอะไรกันบ้างเรามาดูได้เลย

วัสดุของคอยล์บุหรี่ไฟฟ้า

• Kanthal เป็นส่วนผสมระหว่าง Iron,Chromium และ Aluminum Kanthal เป็นลวดที่ทำให้ความร้อนขึ้นได้ช้าที่สุด ถูกนำมาทำเป็นรูปแบบต่างๆเช่น Twisted, Clapton และอื่นๆ หรือหากไม่ได้ถูกนำมาดัดแปลง ก็ยังเป็นที่นิยมอยู่
• Nichrome เป็นโลหะผสมกันระหว่าง Nickel และ Chromium ทำความร้อนได้ไว เหมาะสำหรับการสร้างควันออกมาเยอะๆในคราวเดียว ไม่มีสารที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ และยังเป็นชนิดแรกๆที่ถูกนำมาใช้ในวงการอีกต่างหาก เพียงแต่มีอายุการใช้งานสั้นมากๆ
• Stainless Steel เป็นการผสมระหว่าง Chromium, Nickel และ Carbon เหมาะสำหรับการแปรรูปดัดทรง สามารถดัดรูปทรงได้ง่ายแต่ก็มีความคงทนสูงมากด้วยเช่นกัน
• Titanium เป็นเหล็กไทเทเนียมมีความคงทนยาวนานที่สุด แต่กลับมาความอันตรายหากใช้งานด้วยความร้อนสูงกว่า 648 องศาเซลเซียส จะทำให้ตัวไทเทเนียมนั้นปล่อยสารบางชนิด ซึ่งเป็นพิษต่อร่างกายมนุษย์ จึงทำให้หาได้ยากที่สุดในท้องตลาด
• Nickel หรือ Ni200 เป็นลวดที่มีความร้อนสูงที่สุด มีความเป็นสปริงจึงทำให้การดัดรูปร่างนั้นทำได้ยากมากหากเทียบกับตัวอื่นๆ และควรพันให้มีความห่างมากกว่าปกติเพื่อช่วยเรื่องความร้อน ทั้งนี้เป็นที่นิยมสำหรับผู้ใช้งานมืออาชีพหรือผู้มีประสบการณ์

วัสดุของคอยล์พอต

• Kanthal,Stainless Steel หรือ Nichrome จะนิยมกันใช้เพียง 3 วัสดุนี้เท่านั้นเพราะด้วยการสามารถดัดเปลี่ยนรูปร่างได้ง่ายและมีความคงทนในระดับหนึ่ง ทั้งนี้ยังมีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไปเหมาะสำหรับการนำมาใส่กับชิ้นที่มีขนาดเล็กได้
• สำลี มีหน้าที่ดูดซับน้ำยาและทำการระเหยกับตัวลวดในปริมาณเหมาะสม หากไม่มีตัวสำลีตัวลวดคงไม่สามารถทำความร้อนได้มากพอที่จะระเหยตัวน้ำยาได้อย่างแน่นอน
• เซรามิก ถือว่าเป็นอีกวัสดุที่นำมาใช้แทนตัวลวดซึ่งจะพบได้ใน Close System เป็นสะส่วนใหญ่ ซึ่งจะทำความร้อนได้ช้ากว่าลวดปกติ และใช้ปริมาณน้ำยาเยอะกว่า แต่จะได้กลิ่นที่ออกมาดีพอๆ กับการใช้งาน และยังมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า

การทำขึ้นใช้เองเป็นสิ่งที่คนในวงการยุคแรกๆ ทำกันมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นการพันลวดเอง หรือโมแบบ RBA เองก็ตาม เพราะฉะนั้นหากทำขึ้นมาเองถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติ เพียงแต่ต้องมีความรู้ และประสบการณ์มาแล้วพอสมควร หากศึกษาอย่างตั้งใจ บวกกับฝึกฝนอยู่เป็นประจำ นั้นก็จะทำให้ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

เมื่อถามถึงราคาคอยล์บุหรี่ไฟฟ้า ต้องตอบเลยว่าประหยัดสุดคุ้มมากๆ เฉลี่ย 1 ตัว 2 ใบแดงมีทอน ยิ่งซื้อเป็นกล่องยิ่งประหยัด แต่บางคนเอาไปเทียบกับลวด สำลีของอะตอม ว่าอยู่นานกว่า อันนี้จริง แต่คำว่าคุ้มไม่ได้หมายถึงเม็ดเงินเท่านั้น แต่ในเรื่องเวลา และความสะดวก ก็ต้องนำมาคำนวณด้วยเช่นกัน เพราะบางคนสามารถนำเวลาที่เสียไป เอามาสร้างรายได้ให้ตัวเองมากมายก็มี ดังนั้นต้องมองกว้างๆ อุปกรณ์ทุกชนิดมีทั้งข้อดี และข้อจำกัดของตัวเอง เพียงแต่ต้องเลือกสิ่งที่เข้ากับตัวเองที่สุดเป็นพอ

คอยล์บุหรี่ไฟฟ้านั้นเป็นหนึ่งในชิ้นส่วนสำคัญอีกหนึ่งชิ้น ซึ่งจะขาดไปไม่ได้เลย สำหรับการทำงานของบุหรี่ไฟฟ้า เพราะหากขาดไป ก็จะไม่มีอุปกรณ์ส่วนไหนรองรับความร้อน ที่จะทำให้เกิดการระเหยได้เลย สิ่งที่นำมาใช้ต้องเป็นวัสดุที่สามารถทนความร้อนสูงได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานที่ไฟสูง หรือต่ำก็ตาม วัสดุหลักจึงเป็น โลหะ เซรามิก ที่สามารถทนต่อความได้สูง ยิ่งขั้นตอนมีความซับซ้อนมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งสามารถดึงกลิ่นได้ดีขึ้นเท่านั้น แต่หากซับซ้อนมากจนเกินไปก็จำให้การจ่ายไฟเป็นไปได้ลำบากด้วยเช่นกัน การใช้งานแบบสำเร็จรูปจึงเป็นเรื่องง่าย และสะดวกสบายที่สุด